เห็ดหลินจือ

1.ลักษณะธรรมชาติของเห็ดหลินจือ เห็ดหลินจือจัดเป็นเห็ดที่เจริญเติบโตดีในธรรมชาติ โดยเจริญเติบโตตามโคนต้นไม้ในเขต อบอุ่นและเขตร้อน จะเจริญได้ดีบนตอไม้ที่ตายแล้ว เช่น ต้นคูน ก้ามปู หางนกยูง ยางพารา เป็นต้น
2.ส่วนประกอบของเห็ดหลินจือ -หมวกดอก อาจเกิดเป็นดอกเดี่ยวหรือเป็นกลุ่ม ๆ ละ 3-4 ดอกที่มีโคนดอกติดกัน ดอกเห็ดเมื่อยังอ่อนอยู่ จะมีสีขาวหรือสีเหลือง กลางหมวกดอกจะมีสีน้ำตาล แต่ถ้าเจริญเติบโตเต็มที่แล้วขอบหมวกจะงองุ้มลง สีของหมวกดอกจะเข้มมากขึ้น เนื้อเยื่อภายในดอกเห็ดจะมีเส้นใยสีน้ำตาล ผิวของหมวกดอกมีลักษณะเป็นเงาคล้ายทาด้วยแชลแลคมีสีน้ำตาลแดง -ครีบดอก ใต้หมวกดอกมีลักษณะเป็นรูเล็กสีขาวหรือสีเหลืองจำนวนมาก ภายในรูเป็นแหล่งกำเนิดของสปอร์ เมื่อเจริญเต็มที่จะมีการสร้างสปอร์และปล่อยออกมามากมาย บางส่วนจะปลิวตกลงพื้นแต่บางส่วนจะลอยขึ้นไปปกคลุมผิวของหมวกดอก สปอร์มีลักษณะเป็นผงสีน้ำตาล เมื่อนำมาชิมดูจะพบว่ามีรสขม -ก้านดอก เห็ดหลินจืออาจจะมีก้านดอกหรือไม่ก็ได้ โดยเฉพาะเห็ดหลินจือที่ขึ้นตามตอไม้อาจไม่พบก้านดอก ก้านดอกอาจจะอยู่กึ่งกลางหรือค่อนไปข้างใดข้างหนึ่งของหมวกดอกก็ได้
3.การเพาะเห็ดหลินจือในถุงพลาสติก สูตรอาหารสำหรับเพาะเห็ดหลินจือที่ใช้กันในประเทศไทยมีหลายสูตร เช่น สูตรที่ 1 ขี้เลื่อยไม้ยางพารา 100 กิโลกรัม รำละเอียด 5 กิโลกรัม ปูนขาว 1 กิโลกรัม ดีเกลือ 0.2 กิโลกรัม น้ำ พอประมาณ
สูตรที่ 2 ขี้เลื่อยไม้ยางพารา 100 กิโลกรัม รำละเอียด 3 กิโลกรัม น้ำตาลทราย 2 กิโลกรัม น้ำ พอประมาณ
สูตรที่ 3 ขี้เลื่อยไม้ยางพารา 75 กิโลกรัม รำละเอียด 24 กิโลกรัม ปูนขาว 1 กิโลกรัม น้ำ พอประมาณ
สูตรที่ 4 ขี้เลื่อยไม้เบญจพรรณ 100 กิโลกรัม ปูนขาว 1 กิโลกรัม แอมโมเนียซัลเฟต(21-0-0) 2 กิโลกรัม นำส่วนผสมข้างต้นคลุกกันแล้วปรับความชื้นให้สม่ำเสมอ หมักทิ้งไว้ 2 เดือนโดยกลับกองทุก ๆ 15 วัน เมื่อได้ที่แล้วนำมาผสมตามอัตราส่วนดังนี้ ขี้เลื่อยที่หมักดีแล้ว 100 กิโลกรัม รำละเอียด 3 กิโลกรัม น้ำตาลทราย 2 กิโลกรัม
วิธีการทำก้อนเชื้อเห็ดหลินจือให้ปฏิบัติดังนี้ -นำส่วนผสมต่าง ๆ มาคลุกเคล้าผสมให้เข้ากัน -เติมน้ำลงไปผสมและทดสอบความชื้นโดยนำส่วนผสมมากำดูถ้าไม่มีน้ำไหลออกตามง่ามมือและเมื่อแบมือออกส่วนผสมยังจับกันเป็นก้อนก็ใช้ได้ -บรรจุส่วนผสมลงในถุงพลาสติกทนร้อนขนาด 7*12 นิ้ว ถุงละ 8-9 ขีด แล้วอัดให้แน่น สวมคอขวดพลาสติก จุกด้วยสำลีและหุ้มด้วยกระดาษ -นำไปนึ่งกับหม้อนึ่งลูกทุ่ง นานประมาณ 2-3 ชั่วโมงนับจากน้ำเดือด -เมื่อถุงขี้เลื่อยเย็นจึงใส่เชื้อเห็ดที่เลี้ยงบนเมล็ดข้าวฟ่างลงไป -นำไปบ่มที่อุณหภูมิ 28-32 องศาเซลเซียส ประมาณ 1 เดือน เส้นใยจะเดินเต็มถุง จากนั้นบ่มต่ออีก 7-10 วัน เพื่อให้เชื้อรัดตัวและพร้อมที่จะเจริญเป็นดอก -การเปิดดอกให้เปิดในโรงเรือนที่มีความชื้นประมาณ 75-85 เปอร์เซ็นต์ โดยดึงจุกสำลีออก
4.สรรพคุณของเห็ดหลินจือในการรักษาโรค เห็ดหลินจือเห็นเห็ดสมุนไพร ซึ่งเชื่อกันว่าเป็นยาอายุวัฒนะ ทำให้ผู้บริโภคมีสุขภาพแข็งแรงแลมีอายุยืนยาว เห็ดชนิดนี้จะช่วยทำให้ระบบทั้ง 3 ของร่างกาย ทำงานได้อย่างปกติสมบูรณ์ขึ้นด้วย คือ 1.ระบบทางเดินอาหาร ได้แก่ โรคกระเพาะอักเสบ ลำไส้อักเสบ 2.ระบบทางเดินหายใจ ได้แก่ โรคหลอดลมอักเสบเรื้อรัง โรคหืด 3.ระบบไหลเวียนของโลหิต ได้แก่ ความดัน โรคหัวใจ รอบเดือนของสตรี นอกจากนี้ยังช่วยบรรเทาอาการของโรคอื่น ๆ ได้แก่ โรคมะเร็ง เบาหวาน ไตอักเสบ โรคเก๊าท์ ตับแข็ง ท้องผูก เป็นต้น การใช้เห็ดหลินจือในการรักษาจะมีผลข้างเคียงอย่างเดียว คือ อาการคล้ายท้องเสียในช่วงต้น บางคนอาจไม่มีอาการแบบนี้เลย การรักษาและควบคุมโรคขึ้นอยู่กับอาการของโรคที่เป็น และผู้ป่วยจะต้องควบคุอาหาร(อาหารพวกปรุงแต่งมาก ๆ งดผงชูรส อาหารกระป๋อง เหล้า บุหรี่ อาหารประเภทเนื้อสัตว์โดยเฉพาะอาหารทะเล เพราะจะไปเร่งการเจริญเติบโตของเซลมะเร็ง) ปฏิบัติตัวให้มีสุขภาพที่ดีตามหลักความสมดุลธรรมชาติแล้วผู้ป่วยก็จะมีโอกาสหายจากมะเร็งได้และสำหรับผู้ที่ปฏิบัติตัวได้ดี ๆ ก็จะไม่เป็นโรคมะเร็งเลย
5.การบริโภคเห็ดหลินจือในการรักษาโรค 1.นำเห็ดหลินจือแห้งมาฝานจำนวน 5 กรัม ผสมกับน้ำ 1 ลิตร นำมาต้มแล้วเคี่ยวจนเหลือปริมาณน้ำ 0.5 ลิตร นำมารับประทานได้ 2.นำเห็ดหลินจือแห้งจำนวน 5 กรัม ผสมน้ำ 1 ลิตร นำมาต้มหรือเคี่ยวจนเหลือน้ำประมาณ 0.5 ลิตร นำมารับประทานได้ 3.ถ้าต้องการแบบเข้มข้นให้นำน้ำสกัดจากข้อ1 ข้อ2 มาผสมกันแล้วนำไปเคี่ยวจนเหลือน้ำประมาณ 0.5 ลิตรก็ได้ 4.ใช้เห็ดหลินจือฝานตามข้อ1 ประมาณ 5-10 ชิ้น ผสมน้ำ 2 ลิตร ต้มจนเดือดอ่อน ๆ นาน 15 นาที กรองน้ำใช้ดื่ม ดื่มน้ำต้มเห็ดหลินจือทุกวัน สุขภาพจะแข็งแรง
เผยแพร่โดย ชมรมเห็ด มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์